นวลิสซิ่งปรับแผนเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์รับบริหารหนี้เอสเอ็มอีแบงก์เพื่อเพิ่มรายได้ลดต้นทุน
นวลิสซิ่งปรับยุทธศาสตร์ครี่งปีหลัง ลุยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ รับบริหารหนี้ให้กับเอสเอ็มอีแบงก์ เพื่อเพิ่มรายได้ลดต้นทุน หลังแบงก์พาณิชย์ลุยจำนำทะเบียนรถ พร้อมปฏิเสธการเข้ามาถือหุ้นของแบงก์ ยันเป็นแค่พันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้น
นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทนวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NVL เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจใหม่ในครึ่งปีหลัง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์หันมาให้ความสำคัญกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินสูงกว่า จึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยหันมาเน้นการทำสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์แทน เพราะมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรง และจากการศึกษาพบว่ามียอดการซื้อขายอยู่ที่ 1.7 ล้านคันต่อปี มูลค่ารวมกว่า 5.1หมื่นล้านบาทต่อปี และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในการให้สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ โดยเน้นในภาคใต้เป็นหลัก เพราะคู่แข่งน้อย และยังไม่มีใครให้ความสำคัญ ในเบื้องต้นได้เสนอโครงการไปยังธนาคารอิสลามฯ แล้ว และรอผลการอนุมัติสินเชื่อจำนวน 200 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืม 3 ปี เพื่อนำไปปล่อยกู้สำหรับมอเตอร์ไซค์ต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ซึ่งแผนที่วางไว้จะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและมีโครงการต่างๆ และให้ความสำคัญกับระดับรากหญ้า ซึ่งมาตรการของรัฐบาลจะเห็นผลได้ประมาณไตรมาส 4 พอดี
นอกจากนี้แล้วบริษัทได้ยื่นแผนในการเข้าไปบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประเภทสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จำนวน 1,000 ล้านบาท จากธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือ เอสเอ็มอีแบงก์ได้เลย โดยบริษัทจะได้รับค่าธรรมเนียมในการบริหารประมาณ 10-15% ส่วนจะติดตามหนี้มาได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องขอเข้าไปดูลูกหนี้ก่อน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของเอสเอ็มอีแบงก์
ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่า ธนาคารทิสโก้ ธนาคารอิสลามฯ และเอสเอ็มอีแบงก์ จะเข้ามาถือหุ้นในนวลิสซิ่ง ไม่เป็นความจริง แต่ทั้ง 3 รายถือว่าได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทอยู่แล้ว และบริษัทก็ไม่มีนโยบายในการเพิ่มผู้ถือหุ้นที่เป็นแบงก์ในขณะนี้ แต่เนื่องจากเป็นลิสซิงขนาดเล็ก จึงเป็นที่ต้องการของหลายแห่ง
นายรัตนชัย กล่าวว่า รายได้ในครึ่งปีหลังหลักๆ จะมาจากสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ กับการบริหารหนี้ ส่วนพอร์ตสินเชื่อคงค้างในสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 4% โดยจะควบคุมไม่ให้เกิดไปจากนี้ เพื่อไม่ต้องสำรองเพิ่มและลดต้นทุนการดำเนินงานต่างๆ ลงเพื่อให้ผลประกอบการทั้งปีเป็นบวก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
นวลิสซิ่งปรับยุทธศาสตร์ครี่งปีหลัง ลุยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ รับบริหารหนี้ให้กับเอสเอ็มอีแบงก์ เพื่อเพิ่มรายได้ลดต้นทุน หลังแบงก์พาณิชย์ลุยจำนำทะเบียนรถ พร้อมปฏิเสธการเข้ามาถือหุ้นของแบงก์ ยันเป็นแค่พันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้น
นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทนวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NVL เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจใหม่ในครึ่งปีหลัง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์หันมาให้ความสำคัญกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินสูงกว่า จึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยหันมาเน้นการทำสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์แทน เพราะมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรง และจากการศึกษาพบว่ามียอดการซื้อขายอยู่ที่ 1.7 ล้านคันต่อปี มูลค่ารวมกว่า 5.1หมื่นล้านบาทต่อปี และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในการให้สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ โดยเน้นในภาคใต้เป็นหลัก เพราะคู่แข่งน้อย และยังไม่มีใครให้ความสำคัญ ในเบื้องต้นได้เสนอโครงการไปยังธนาคารอิสลามฯ แล้ว และรอผลการอนุมัติสินเชื่อจำนวน 200 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืม 3 ปี เพื่อนำไปปล่อยกู้สำหรับมอเตอร์ไซค์ต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ซึ่งแผนที่วางไว้จะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและมีโครงการต่างๆ และให้ความสำคัญกับระดับรากหญ้า ซึ่งมาตรการของรัฐบาลจะเห็นผลได้ประมาณไตรมาส 4 พอดี
นอกจากนี้แล้วบริษัทได้ยื่นแผนในการเข้าไปบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประเภทสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จำนวน 1,000 ล้านบาท จากธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือ เอสเอ็มอีแบงก์ได้เลย โดยบริษัทจะได้รับค่าธรรมเนียมในการบริหารประมาณ 10-15% ส่วนจะติดตามหนี้มาได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องขอเข้าไปดูลูกหนี้ก่อน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของเอสเอ็มอีแบงก์
ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่า ธนาคารทิสโก้ ธนาคารอิสลามฯ และเอสเอ็มอีแบงก์ จะเข้ามาถือหุ้นในนวลิสซิ่ง ไม่เป็นความจริง แต่ทั้ง 3 รายถือว่าได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทอยู่แล้ว และบริษัทก็ไม่มีนโยบายในการเพิ่มผู้ถือหุ้นที่เป็นแบงก์ในขณะนี้ แต่เนื่องจากเป็นลิสซิงขนาดเล็ก จึงเป็นที่ต้องการของหลายแห่ง
นายรัตนชัย กล่าวว่า รายได้ในครึ่งปีหลังหลักๆ จะมาจากสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ กับการบริหารหนี้ ส่วนพอร์ตสินเชื่อคงค้างในสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 4% โดยจะควบคุมไม่ให้เกิดไปจากนี้ เพื่อไม่ต้องสำรองเพิ่มและลดต้นทุนการดำเนินงานต่างๆ ลงเพื่อให้ผลประกอบการทั้งปีเป็นบวก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Tidak ada komentar:
Posting Komentar