ตลาดมอเตอร์ไซค์ระอุ 2 ค่ายยักษ์ถล่ม อีเวนต์ยักษ์งัดมิวสิกมาร์เก็ตติ้งตีตลาดหวัง ดึงลูกค้าสร้างแบรนด์เข้มแข็ง "ยามาฮ่า" เตรียมเข็นกิจกรรม "บีโลว์เดอะไลน์" มั่นใจปีนี้ขาย 4.2 แสนคันขอเป็นผู้นำรถออโตเมติกต่อเนื่อง ขณะที่ฮอนด้าชูคอนเสิร์ต ต่อเชื่อยอดรวมแบรนด์ตัวเองไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน
พลันที่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถจักรยานยนต์ประกาศเดินหน้าจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายแบบต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เหลือของครึ่งปีหลัง ก็ทำให้ตลาดสองล้อที่ดูจะเงียบเหงาเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าหลังจากนี้ตลาดที่เดิมผู้ขายกุมบทบาทไว้ทั้งหมด กำลังจะเปลี่ยนมาเป็นของผู้ซื้อมากขึ้น รวมถึงงบประมาณทั้งหมดจะถูกทุ่มใส่ตลาดอย่างเต็มที่ แต่ละค่ายพร้อมจะงัดกลยุทธ์ที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาห้ำหั่นกันสนุกมือ
แหล่งข่าวในวงการรถจักรยานยนต์เปิดเผยว่า ตลาดจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจหดตัวไปกว่า 15% แม้แต่ละค่ายจะพยายามให้ข้อมูลว่าจะใช้เงิน แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง พอจะจับต้นชนปลายได้โดดเด่นหน่อยก็มีค่ายบางค่ายที่ใช้เงินกับการ แข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ และแคมเปญคืนเงิน 2,000 บาท
นอกนั้นก็เป็นแคมเปญลดแลกแจกแถม อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า บัตรเติมน้ำมัน
แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การถล่มอีเวนต์ครั้งสำคัญของ 2 ค่ายยักษ์ซึ่งจัดกิจกรรมเต็มรูปด้วยยุทธวิธี "มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง" ด้วยการเนรมิต 2 มหกรรมดนตรี อย่าง คอนเสิร์ตเทศกาลดนตรีฤดูฝน "FINO RAINY MUSIC FESTIVAL" ณ สันเขื่อน ขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ของค่าย ยามาฮ่า ซึ่งจัดได้เหมาะเจาะกับคอนเสิร์ตเต้นฮึกๆ แล้วชาวเรกเก้ Chick ka Chick แข่งกันร้องว้ากในงาน Honda Click i Reggae on the Rock มหกรรมดนตรีริมชายหาดชะอำของค่าย เอ.พี.ฮอนด้า เท่ากับเป็นการลั่นกลองรบอย่างเต็มตัวทั้งการ สร้างแบรนด์รวมถึงการช่วงชิงพื้นที่บนหน้าสื่อต่างๆ
นางจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ "ยามาฮ่า" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความสำเร็จหลังจากที่บริษัทได้ทุ่มงบประมาณมูลค่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับจัดกิจกรรม "รวมพลฟีโน่" เพื่อบันทึกลงในกินเนสส์ เวิลด์เร็กคอร์ด ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นกระแสการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของ ยามาฮ่า ฟีโน่ แล้วยังถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น การมีส่วนร่วมการบันทึกสถิติโลกครั้งนี้
โดยมีรถจักรยานยนต์ฟีโน่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่มีรถร่วมขบวนถึง 2,474 คัน ในระยะทางยาวกว่า 3 ก.ม. เพื่อบันทึกสถิติโดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่กินเนสส์ เวิลด์เร็กคอร์ด ในการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานและมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้ร่วมกิจกรรม
งานครั้งนี้มีรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่เข้าร่วมงานมากถึง 5,000 คัน และมีกองทัพฟีโน่-ยามาฮ่าคลับ พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 15,000-20,000 คน
ทั้งนี้ บริษัทต้องการจะสร้างแบรนด์ "ยามาฮ่า" ให้อยู่ในใจของลูกค้า พร้อมทั้งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับรถจักรยานยนต์ฟีโน่ รวมทั้งรถจักรยานยนต์รุ่นอื่นๆ อนาคตมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าว เพิ่มความหลากหลายและความแตกต่างออกไป
"น่าพอใจอย่างยิ่งทีมงานยามาฮ่าใช้เวลาเตรียมงานมาล่วงหน้าถึง 4 เดือน เพื่อให้ทุกอย่างออกมาพร้อมและสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งเราคิดว่างานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและยังไม่มีใครทำมาก่อนด้วย" นางจินตนากล่าว
สำหรับรถจักรยานยนต์ฟีโน่หลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยบริษัทได้ใช้แผน "โมเดลคลาสสิก" ส่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกมาทำตลาด พร้อมจุดกระแสความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยามาฮ่า ฟีโน่มียอดขายสะสมอยู่ที่ 500,000 คัน จากปัจจุบันที่มียอดผลิตอยู่ที่ 23,000-24,000 คันต่อเดือน หรือประมาณ 65% ของยอดผลิต คาดว่ายามาฮ่าจะมียอดขายทั้งสิ้น 420,000 คัน ในปีนี้
สำหรับแผนการทำตลาดในช่วงระยะเวลาที่เหลือของยามาฮ่าในปีนี้ นางจินตนากล่าวว่า บริษัทจะเน้นทำตลาดของรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกและเกียร์ธรรมดาควบคู่กันไป โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลจำหน่ายอีกครั้ง เชื่อว่าค่ายรถจักรยานยนต์ต่างๆ จะเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดเพิ่มการ ช่วงชิงยอดขายให้ได้มากที่สุดด้วย
"ต้องบอกว่าที่ผ่านมายามาฮ่าเน้นการแข่งขันกับตัวเองมาโดยตลอด เราเน้น รูปแบบแฟร์ๆ ไม่ฟาดฟันกับใคร ยามาฮ่ามุ่งสร้างแบรนด์ของเราให้ดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างฟีโน่ก็ถือเป็นความสำเร็จของเราที่มีการศึกษาและปรับกลยุทธ์มาตลอด ครั้งนี้ก็แสดงถึงความเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมของยามาฮ่าได้ค่อนข้างมาก"
จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบของ "บีโลว์เดอะไลน์" เพิ่มมากขึ้น โดยพยายามชูความหลากหลายและเน้นความแตกต่างพร้อมทั้งหารือรวมกับดีลเลอร์ถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ในแต่ละพื้นที่ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ด้วย อย่างรถจักรยานยนต์ประเภทเกียร์ธรรมดาที่ ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งเพียง 5% เท่านั้น บริษัทได้ส่ง "สปาร์ค นาโน" มาเจาะตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อการใช้งาน โดยเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้ลูกค้ามาทดลองขับ 450 ครั้งภายใน 3 เดือนแรกของการเปิดตัว
ด้านนางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า งานฮอนด้า คลิก ไอ เร็กเก้ ออนเดอะ ร็อก มหกรรมดนตรีริมทะเลได้ผลดีเกินคาด มีผู้สนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้มากกว่า 1 แสนคน โดยจุดประสงค์หลักของการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จ จากการจัดงาน HIC & TIST ON THE BEACH ครั้งที่ 1 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
และจากความสำเร็จจากการเข้าเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมทั้ง 2 ครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้อนาคตบริษัทอาจจะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะถือเป็นการช่วยสร้างแบรนด์ "ฮอนด้า" ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากการแข่งขันในเรื่องของยอดขายหน้าร้านแล้ว การสร้างความประทับใจและภาพลักษณ์สินค้านั้น ฮอนด้าก็จำเป็นจะต้องเลือกใช้รูปแบบการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้ง 2 รูปแบบควบคู่กันไป
นางจุฑามาศกล่าวอีกว่า ส่วนยอดขายฮอนด้าในปีนี้คาดว่าจะทำได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1.4 ล้านคันด้วย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
พลันที่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถจักรยานยนต์ประกาศเดินหน้าจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายแบบต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เหลือของครึ่งปีหลัง ก็ทำให้ตลาดสองล้อที่ดูจะเงียบเหงาเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าหลังจากนี้ตลาดที่เดิมผู้ขายกุมบทบาทไว้ทั้งหมด กำลังจะเปลี่ยนมาเป็นของผู้ซื้อมากขึ้น รวมถึงงบประมาณทั้งหมดจะถูกทุ่มใส่ตลาดอย่างเต็มที่ แต่ละค่ายพร้อมจะงัดกลยุทธ์ที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาห้ำหั่นกันสนุกมือ
แหล่งข่าวในวงการรถจักรยานยนต์เปิดเผยว่า ตลาดจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจหดตัวไปกว่า 15% แม้แต่ละค่ายจะพยายามให้ข้อมูลว่าจะใช้เงิน แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง พอจะจับต้นชนปลายได้โดดเด่นหน่อยก็มีค่ายบางค่ายที่ใช้เงินกับการ แข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ และแคมเปญคืนเงิน 2,000 บาท
นอกนั้นก็เป็นแคมเปญลดแลกแจกแถม อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า บัตรเติมน้ำมัน
แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การถล่มอีเวนต์ครั้งสำคัญของ 2 ค่ายยักษ์ซึ่งจัดกิจกรรมเต็มรูปด้วยยุทธวิธี "มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง" ด้วยการเนรมิต 2 มหกรรมดนตรี อย่าง คอนเสิร์ตเทศกาลดนตรีฤดูฝน "FINO RAINY MUSIC FESTIVAL" ณ สันเขื่อน ขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ของค่าย ยามาฮ่า ซึ่งจัดได้เหมาะเจาะกับคอนเสิร์ตเต้นฮึกๆ แล้วชาวเรกเก้ Chick ka Chick แข่งกันร้องว้ากในงาน Honda Click i Reggae on the Rock มหกรรมดนตรีริมชายหาดชะอำของค่าย เอ.พี.ฮอนด้า เท่ากับเป็นการลั่นกลองรบอย่างเต็มตัวทั้งการ สร้างแบรนด์รวมถึงการช่วงชิงพื้นที่บนหน้าสื่อต่างๆ
นางจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ "ยามาฮ่า" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความสำเร็จหลังจากที่บริษัทได้ทุ่มงบประมาณมูลค่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับจัดกิจกรรม "รวมพลฟีโน่" เพื่อบันทึกลงในกินเนสส์ เวิลด์เร็กคอร์ด ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นกระแสการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของ ยามาฮ่า ฟีโน่ แล้วยังถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น การมีส่วนร่วมการบันทึกสถิติโลกครั้งนี้
โดยมีรถจักรยานยนต์ฟีโน่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่มีรถร่วมขบวนถึง 2,474 คัน ในระยะทางยาวกว่า 3 ก.ม. เพื่อบันทึกสถิติโดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่กินเนสส์ เวิลด์เร็กคอร์ด ในการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานและมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้ร่วมกิจกรรม
งานครั้งนี้มีรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่เข้าร่วมงานมากถึง 5,000 คัน และมีกองทัพฟีโน่-ยามาฮ่าคลับ พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 15,000-20,000 คน
ทั้งนี้ บริษัทต้องการจะสร้างแบรนด์ "ยามาฮ่า" ให้อยู่ในใจของลูกค้า พร้อมทั้งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับรถจักรยานยนต์ฟีโน่ รวมทั้งรถจักรยานยนต์รุ่นอื่นๆ อนาคตมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าว เพิ่มความหลากหลายและความแตกต่างออกไป
"น่าพอใจอย่างยิ่งทีมงานยามาฮ่าใช้เวลาเตรียมงานมาล่วงหน้าถึง 4 เดือน เพื่อให้ทุกอย่างออกมาพร้อมและสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งเราคิดว่างานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและยังไม่มีใครทำมาก่อนด้วย" นางจินตนากล่าว
สำหรับรถจักรยานยนต์ฟีโน่หลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยบริษัทได้ใช้แผน "โมเดลคลาสสิก" ส่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกมาทำตลาด พร้อมจุดกระแสความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยามาฮ่า ฟีโน่มียอดขายสะสมอยู่ที่ 500,000 คัน จากปัจจุบันที่มียอดผลิตอยู่ที่ 23,000-24,000 คันต่อเดือน หรือประมาณ 65% ของยอดผลิต คาดว่ายามาฮ่าจะมียอดขายทั้งสิ้น 420,000 คัน ในปีนี้
สำหรับแผนการทำตลาดในช่วงระยะเวลาที่เหลือของยามาฮ่าในปีนี้ นางจินตนากล่าวว่า บริษัทจะเน้นทำตลาดของรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกและเกียร์ธรรมดาควบคู่กันไป โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลจำหน่ายอีกครั้ง เชื่อว่าค่ายรถจักรยานยนต์ต่างๆ จะเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดเพิ่มการ ช่วงชิงยอดขายให้ได้มากที่สุดด้วย
"ต้องบอกว่าที่ผ่านมายามาฮ่าเน้นการแข่งขันกับตัวเองมาโดยตลอด เราเน้น รูปแบบแฟร์ๆ ไม่ฟาดฟันกับใคร ยามาฮ่ามุ่งสร้างแบรนด์ของเราให้ดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างฟีโน่ก็ถือเป็นความสำเร็จของเราที่มีการศึกษาและปรับกลยุทธ์มาตลอด ครั้งนี้ก็แสดงถึงความเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมของยามาฮ่าได้ค่อนข้างมาก"
จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบของ "บีโลว์เดอะไลน์" เพิ่มมากขึ้น โดยพยายามชูความหลากหลายและเน้นความแตกต่างพร้อมทั้งหารือรวมกับดีลเลอร์ถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ในแต่ละพื้นที่ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ด้วย อย่างรถจักรยานยนต์ประเภทเกียร์ธรรมดาที่ ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งเพียง 5% เท่านั้น บริษัทได้ส่ง "สปาร์ค นาโน" มาเจาะตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อการใช้งาน โดยเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้ลูกค้ามาทดลองขับ 450 ครั้งภายใน 3 เดือนแรกของการเปิดตัว
ด้านนางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า งานฮอนด้า คลิก ไอ เร็กเก้ ออนเดอะ ร็อก มหกรรมดนตรีริมทะเลได้ผลดีเกินคาด มีผู้สนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้มากกว่า 1 แสนคน โดยจุดประสงค์หลักของการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จ จากการจัดงาน HIC & TIST ON THE BEACH ครั้งที่ 1 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
และจากความสำเร็จจากการเข้าเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมทั้ง 2 ครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้อนาคตบริษัทอาจจะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะถือเป็นการช่วยสร้างแบรนด์ "ฮอนด้า" ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากการแข่งขันในเรื่องของยอดขายหน้าร้านแล้ว การสร้างความประทับใจและภาพลักษณ์สินค้านั้น ฮอนด้าก็จำเป็นจะต้องเลือกใช้รูปแบบการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้ง 2 รูปแบบควบคู่กันไป
นางจุฑามาศกล่าวอีกว่า ส่วนยอดขายฮอนด้าในปีนี้คาดว่าจะทำได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1.4 ล้านคันด้วย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
Tidak ada komentar:
Posting Komentar