ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งแรกของปี 2552 ถดถอยตามเศรษฐกิจ ค่ายรถโหมจัดกิจกรรม ดันยอดขายหดตัวต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ ลดลงเพียง 15% เท่านั้น ขณะที่ยอดจดทะเบียนรายเดือนมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเดือน มิ.ย. มีปริมาณสูงสุดในรอบ 10 เดือน ส่วนแนวโน้มตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง จะยังคงคึกคักและตื่นตัวจากการกระตุ้นของบรรดาค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อตลาดรถจักรยานยนต์ ทำให้การเติบโตของตลาดในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ในทิศทางที่ลดลง แต่ทั้งนี้การหดตัวของตลาดนั้น มีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปี โดยคาดการณ์กันไว้ว่า ตลาดในปีนี้จะเติบโตลดลงถึง 20 - 30% หากในช่วง6เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 743,224 คัน ส่งผลให้การขยายตัวของตลาดมีอัตราลดลงเพียง 15% เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ทิศทางการหดตัวของตลาดนับตั้งแต่ต้นปี ยังมีอัตราลดน้อยลงเรื่อยมาตลอด โดยในเดือน มกราคม มีอัตราการหดตัวสูงถึง 23% และล่าสุดในเดือน มิถุนายน อัตราการหดตัวของตลาดลดต่ำลงเหลือเพียง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ปริมาณยอดจดทะเบียนรายเดือน มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 151,473 คัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือน สิงหาคม ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ต่างโหมกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับตลาด ด้วยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายในรูปแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายฮอนด้า ที่มุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย คือระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) อันมีคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดกระแสความตื่นตัวเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค รวมทั้งยังมีการจัดแคมเปญใหญ่ระดับประเทศ เพื่อส่งเสริมการขายรถ
ขณะเดียวกันยังผลักดันให้อัตราครองตลาดในกลุ่มรถแบบ เอ.ที. ของฮอนด้า มีเพิ่มขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่ต้นปี คือ ในเดือน มกราคม มี 38% และเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ดังนั้นฮอนด้าจึงมีการรุกตลาดด้วยแคมเปญใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการขายรถรุ่นนี้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ แคมเปญ "คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น" อันเป็นแคมเปญฉลองยอดขายรถรุ่นนี้สู่ยอด 1 ล้านคัน ซึ่งทำให้เป็นรถแบบ เอที ยอดนิยมอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้ โดยแคมเปญนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยกระตุ้นและสร้างความตื่นตัวให้กับตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรก ปรากฏว่ารถแบบครอบครัวได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องด้วยเป็นรถที่ประหยัดและให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด โดยรถแบบครอบครัวมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากถึง 368,675 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 90% ส่วนรถประเภทอื่นๆ มียอดการจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกดังนี้ คือ รถแบบ เอที มีปริมาณ 344,603 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% , รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 18,289 คัน สัดส่วนตลาด 2% , รถแบบสปอร์ต 5,646 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 6,011 คัน สัดส่วนตลาด 1%
เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=R3924412&issue=2441
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อตลาดรถจักรยานยนต์ ทำให้การเติบโตของตลาดในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ในทิศทางที่ลดลง แต่ทั้งนี้การหดตัวของตลาดนั้น มีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปี โดยคาดการณ์กันไว้ว่า ตลาดในปีนี้จะเติบโตลดลงถึง 20 - 30% หากในช่วง6เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 743,224 คัน ส่งผลให้การขยายตัวของตลาดมีอัตราลดลงเพียง 15% เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ทิศทางการหดตัวของตลาดนับตั้งแต่ต้นปี ยังมีอัตราลดน้อยลงเรื่อยมาตลอด โดยในเดือน มกราคม มีอัตราการหดตัวสูงถึง 23% และล่าสุดในเดือน มิถุนายน อัตราการหดตัวของตลาดลดต่ำลงเหลือเพียง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ปริมาณยอดจดทะเบียนรายเดือน มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 151,473 คัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือน สิงหาคม ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ต่างโหมกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับตลาด ด้วยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายในรูปแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายฮอนด้า ที่มุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย คือระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) อันมีคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดกระแสความตื่นตัวเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค รวมทั้งยังมีการจัดแคมเปญใหญ่ระดับประเทศ เพื่อส่งเสริมการขายรถ
ขณะเดียวกันยังผลักดันให้อัตราครองตลาดในกลุ่มรถแบบ เอ.ที. ของฮอนด้า มีเพิ่มขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่ต้นปี คือ ในเดือน มกราคม มี 38% และเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ดังนั้นฮอนด้าจึงมีการรุกตลาดด้วยแคมเปญใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการขายรถรุ่นนี้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ แคมเปญ "คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น" อันเป็นแคมเปญฉลองยอดขายรถรุ่นนี้สู่ยอด 1 ล้านคัน ซึ่งทำให้เป็นรถแบบ เอที ยอดนิยมอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้ โดยแคมเปญนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยกระตุ้นและสร้างความตื่นตัวให้กับตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรก ปรากฏว่ารถแบบครอบครัวได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องด้วยเป็นรถที่ประหยัดและให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด โดยรถแบบครอบครัวมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากถึง 368,675 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 90% ส่วนรถประเภทอื่นๆ มียอดการจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกดังนี้ คือ รถแบบ เอที มีปริมาณ 344,603 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% , รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 18,289 คัน สัดส่วนตลาด 2% , รถแบบสปอร์ต 5,646 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 6,011 คัน สัดส่วนตลาด 1%
เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=R3924412&issue=2441
Tidak ada komentar:
Posting Komentar